วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

ทัวร์จันทบุรี-ระยอง..ฮิ ตอน5

                  ก่อนจะกลับลำปางบ้านเฮา  มีลูกทัวร์หลายท่านเรียกร้องว่า  "ลุงศรีเหย..ขอแวะสวนเสือให้ทีเถอะ"  "อ้าว ๆ  นึกว่ามีแต่เด็ก ๆ ชอบดูเสือ  ดูช้าง  ดูหมี  ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายก็ชอบดูเหรอ"  "ลุงศรีก้อเลยต้องจัดให้ตามคำขอเลย" เป็นทริปสุดท้ายให้พวกเรา
                   คุณพี่แสงทองที่น่ารักของพวกเรา  ก็บริการพวกเราเป็นอย่างดีด้วยการไปต่อรองราคา  และซื้อบัตรให้เข้าไปเยี่ยมชมได้สมใจ ในราคาคนละ 110  บาท  "ไหนๆก็มาแล้วนี่...เข้าไปชมหน่อยน่า..."     
                   เดินเข้าไปดูการแสดงช้างเป็นจุดแรก เดินไปไกลมาก ๆ พวกเราเกือบท้อด้วยอากาศร้อนเหลือเกิน..แต่ก็พากันแข็งใจเดินไป ๆ ๆ ๆ  ก้อตามประสา "เลือดลำปาง ..มาด้วยกัน...ไปด้วยกันอ่ะ"  เห็นช้างน่ารักแสนรู้ ก็หายเหนื่อยเลย    ดูภาพกันดีกว่า ค่ะ........





จุดที่ 2  เป็นการแสดงจระเข้ ผู้แสดงแต่งตัวเหมือนไกรทองตอนไปปราบพญาชาละวันเลยล่ะ  อยู่กับจระเข้ที่ดุมากตั้งหลายตัว  สามารถจับไอ้เข้เหวี่ยง   ลากหางไอ้เข้   นั่งบนหลัง  และที่หวาดเสี่ยวมาก ๆ ก็ตอนที่เอาหัวเข้าไปในปากจระเข้ จนหลายคนต้องปิดตา  ...ไม่กล้าดูอ่ะ





จุดที่ 3  เป็นการแสดงของเสือ   ที่ว่าดุมาก ๆ ก็ยังสามารถนำมาฝึกได้  ดูเชื่องเหมือนแมวเลย   มาชมความน่ารักของเสือดีกว่านะ......................


 

คำรามพร้อมกันเสียงดังมาก...ทำเอาผู้ชมขนหัวลุกเลย.



นั่งเรียบร้อยอย่างนี้...ไม่น่ากลัวสักนิด


แสดงความรักเคารพเจ้านาย

   กระโดดลอดห่วงไฟ

ข้อคิดวันนี้ 
อันลิงค่างกลางป่าจับมาหัด


                                                            สารพัดหัดได้ดั่งใจหมาย

                                                            เรานักเรียนครูเพียรสอนแทบตาย

                                                            เป็นคนดีไม่ได้ก็อายลิง



วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

STATISTICS ใครว่ายาก

STATISTICS ใครว่ายาก .......โปรดดูโฉมหน้าผู้เรียน  อิอิ

ยิ้ม ยิ้ม  ยิ้ม  ยิ้มมาหน้าตาหวานชื่น.....


สู้ ๆ จ้า...พวกเรา


ภารนี...สาวสมองไวดูแลป้าด้วยนะ

                   การเรียนหลักสูตรป.โท ในสาขาบริหารการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี  ณ ศูนย์ลำปางของพวกเรา ผ่านมาแล้ว  3  class แล้ว  พวกเราคุ้นกันมากขึ้น พูด คุยกันสนุกสนาน ไม่ค่อยจะแสดงอาการ  "แอ็กส์"ใส่กันแล้ว มีแต่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน  หันหน้าเข้าหากัน  ปรึกษาหารือกัน  แม้จะเพศวัยต่างกันบ้าง ก็มิใช่ปัญหา 


                                          
  
                   การเรียน class 4 วิชาสถิติเพื่อการวิจัยทางการศึกษา  ซึ่งมีอาจารย์หลายท่าน  รุ่นพี่ ๆ  เพื่อน ๆ พูดกรอกหูเราว่า ยากส์  ๆ ๆ ๆ  หลาย ๆ ครั้งเข้า  จากที่ไม่เคยกลัว  ไม่เคยเครียด  จนกลายเป็นกลัว...และเครียด..ขึ้นมาแล้วสิ     วันที่  28  มีนาคม ครูตาและเพื่อน ๆ จึงได้เรียนกับท่าน อาจารย์ ดร.  เกศสุดา รัชฎาวิศิษฐกุล  ด้วยบุคลิกภาพแบบสบาย ๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส  ใจดี ไม่เคร่งเครียด  ก็เลยทำให้พวกเรากระซิบกันว่า     " มันคงไม่ยากอย่างที่เราคิดหรอกนะ " พอลุ้นนะ แต่ไงเราต้องขยันเป็นพิเศษหน่อยก็คงผ่านไปได้ด้วยดีแหละ    ดังนั้นครูตาจึงต้องกลับมานั่งทบทวน  และ  ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองด้วย  ก็ไม่น่าจะเกินความสามารถนะ   เพื่อนรุ่นน้องทั้งหลาย ที่หัวใส  สมองเร็ว  ก็คอยช่วยเหลือป้า ๆ ลุง ๆ หน่อยก็แล้วกันนะจ๊ะ 




                                          

                                                                     
                จัดรูปให้ตามคำขอของคุณครูนายจ๊ะจ๋าค่ะ..........

ส่งงานอาจารย์ค่ะ 


แม้จะ40up ก็ยังแจ๋วนะจ๊ะ


เครียดจากการคิดค่าสถิติ  ก้อยังยิ้มได้นะครูษา 

เหรัญญิกต้องกลับทีหลังเพื่อนทุกที  เรียนเสร็จก็มานั่งเช็คเงิน
เหนื่อยไหมจ๊ะคนดี

ทัวร์จันทบุรี-ระยอง..ฮิ ตอน4


ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี

อ่าวคุ้งกระเบนตั้งอยู่ที่ ต. คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.30-18.00 น. การเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อล่วงหน้าที่ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกจากนี้ทางศูนย์ยังมีบริการบ้านพักสำหรับบริการหน่วยงานรัฐที่ไปจัดอบรมสัมมนาด้วยโดยต้องติดต่อล่วงหน้า โทร. 0 3936 9216-8 โทรสาร 0 3936 9219


              อ่าวคุ้งกระเบน มีลักษณะพิเศษคือถูกปิดล้อมด้วยสันทราย มีทางเข้าออกของน้ำทะเลเพียงทางเดียวและมีคลองน้ำจืดหลายสายไหลลงอ่าว อาณาบริเวณรอบๆ เป็นที่ตั้งของ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน” อันเป็นโครงการในพระราชดำริเพื่อพัฒนาพื้นที่อย่างครบวงจรด้วยวิทยาการสมัยใหม่

             ภายในมีบ่อสาธิตการเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบปิด ซึ่งหลายคนสนใจไปเที่ยวชม และจากสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยป่าโกงกาง ที่นี่จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจธรรมชาติชายฝั่งและระบบนิเวศของป่าชายเลน ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนอยู่ตรงข้ามชายหาดแหลมเสด็จ มีพื้นที่ 1,100 ไร่ ส่วนหนึ่งมีสถานะเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าคุ้งกระเบนและป่าอ่าวแขมหนู แต่เดิมเป็นป่าชายเลนเสื่อมโทรม ต่อมาได้รับการฟื้นฟูให้อยู่ในสภาพเดิม มีไม้ขนาดใหญ่หลงเหลืออยู่ นอกจากนี้ยังมีทางเดินสำหรับให้เดินศึกษาด้วยตนเอง โดยสามารถเดินบนสะพานไม้ความยาว 850 ม. ที่ทอดไปในผืนป่า มีศาลาข้อมูลความรู้ต่าง ๆ แปดศาลา คือ



ศาลา 1 กำเนิดอ่าวคุ้งกระเบน อธิบายปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการกัดเซาะเทือกเขาเล็ก ๆ ที่โอบตัวปิดล้อมพรุบริเวณริมฝั่งทะเลเมื่อ 345 ล้านปีก่อน กระทั่งกลายเป็นอ่าวเมื่อ 1,500 ปีที่ผ่านมา



ศาลา 2 ไม้เบิก อธิบายถึงพันธุ์ไม้แสมดำและแสมขาวที่เป็นไม้เบิกนำการก่อกำเนิดป่าชายเลน ก่อนที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์





ศาลา 3 ดงฝาด เป็นจุดที่สวยงามไปด้วยดงต้นฝาด ต้นฝาดแดงจะให้ดอกแดง ส่วนต้นฝาดขาวจะให้ดอกขาว เมื่อผลิดอกเล็ก ๆ จะละลานตาไปทั่ว ต้นฝาดเป็นไม้ที่มีประโยชน์มาก เช่น เนื้อไม้ใช้ย้อมจีวรพระ หรือทำถ่านหุงต้ม ทุบแช่แมงกะพรุน เป็นต้น









ศาลา 4 ป่าปลูก เป็นจุดฟื้นฟูสภาพป่า เดิมมีดงหญ้าทะเลหนาแน่น เคยมีพะยูน หรือหมูดุด อยู่อย่างชุกชุม แต่ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปจากอ่าวคุ้งกระเบนแล้ว นอกจากนี้ยังอธิบายถึงประโยชน์ของปูก้ามดาบในระบบนิเวศป่าชายเลน ก่อนถึงศาลาที่ 5 จะต้องเดินข้ามสะพานแขวนตรงจุดที่เป็นร่องน้ำไหล เพิ่มรสชาติในการเดินเท้าได้ดีทีเดียว



ศาลา 5 ปู่แสม เป็นอีกจุดที่น่าประทับใจ โดยมีสะพานไม้ล้อมรอบต้นแสมขาวโบราณขนาดใหญ่ร่วมสิบคนโอบ ชาวบ้านศรัทธาแสมขาวโบราณต้นนี้โดยเรียกว่าปู่ขาว ปู่แสมมีลำต้นเพียงครึ่งซีก เพราะเคยถูกไฟไหม้ที่ลำต้นในยุคที่ป่าชายเลนที่นี่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟู



ศาลา 6 โกงกาง อยู่สุดปลายสะพานก่อนทางเดินจะวกกลับ พื้นที่บริเวณนี้หนาแน่นด้วยโกงกางใบเล็ก อายุไม่น้อยกว่า 30 ปี โกงกางเป็นไม้เด่นในป่าชายเลน โดยพบมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ป่า บริเวณศาลาแห่งนี้จะมีข้อมูลรายละเอียดประโยชน์ของโกงกาง เช่น เปลือกไม้ใช้ต้มเป็นยาแก้ท้องร่วง บิด หรือพอกแผล ห้ามเลือด หรือหากนำไม้โกงกางมาเผา ก็จะได้ถ่านคุณภาพดี ให้ความร้อนสูงมากกว่าถ่านที่เผาจากไม้ชนิดอื่นที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ

 

ศาลา 7 ประมง จุดสาธิตบ่อกุ้งกุลาดำระบบปิด ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ






สุดท้ายคือ ศาลา 8 เชิงทรง หรือป่ารอยต่อระหว่างป่าชายเลน ป่าชายหาด และป่าบก ช่วงรอยต่อระหว่างป่าชนิดต่าง ๆ ดังกล่าวจะมีพรรณไม้ทั้งป่าชายเลน ป่าชายหาด และป่าบก ปะปนกันไป เนื่องจากบางเดือนที่น้ำท่วมถึงบริเวณป่าบกหรือท่วมเข้ามาถึงชายฝั่ง ก็ได้นำต้นพันธุ์ของไม้ชายเลนเข้าไปเจริญเติบโตผสมกับป่าบก พันธุ์ไม้บริเวณนี้จึงมีทั้งตะบูนขาว ตะบูนดำ ไม้ตะบัน ของป่าชายเลน และดอกดองดึงสีเหลืองแดง ต้นเท้ายายม่อมของป่าบก

                                                                           
                                  



 ขอบคุณ website



                                                 http://www.trf.or.th/News/Content.asp?Art_ID=91








ทัวร์จันทบุรี-ระยอง..ฮิ ตอน3


       สุดยอดของการทัวร์ครั้งนี้  คือการได้ไปชมท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล  เล่นน้ำทะเล  กินอาหารทะเลที่สด ๆ ใหม่ ๆ  และ ได้ซื้อขอทะเลไปฝากคนที่บ้านด้วย  ดูภาพวันแสนสุขดีกว่าค่ะ    ใครเป้นใครก็ดูเองนะคะ