วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ค่ายสืบสานภูมิปัญญาพื้นบ้าน

                 28-29 สิงหาคม 2553  นักเรียนป.6 และม.1-3 จำนวน 80 คน และครูผู้ดูแลเดินทางมาเข้าค่ายที่วัดพระเจดีย์ซาวหลังเพื่อเรียนรู้ และสืบสานภูมิปัญญาพื้นบ้าน ซึ่งมีวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละเรื่องมาให้ความรู้  ได้แก่ ก๋องปู่จา   ฟ้อนเล็บ   ดนตรีสะล้อ ซอ ซึง  และ บายศรี  ยังเสียดายภูมิปัญญาอีกท่านหนึ่งติดงานไม่สามารถมาได้

โชว์ผลงานว่าหนูทำได้แล้วนะคะ


ฐานฟ้อนเมือง วิทยากรผู้สอน  คุณอุดมเดช   คุณอุดมเดช พิชยาพันธ์


ฐานดนตรีพื้นเมือง สะล้อ ซอ ซึง  วิทยากรผู้สอน คุณนิพล  เรือนสุข



ฐานตี๋ก๋องปู่จา วิทยากรผู้สอน คือ คุณสุรศักดิ์ งดงาม และคุณพินิจ  ใจมา



ฐานบายศรี  วิทยากรผู้ให้ความรู้  ได้แก่ แม่คำมูล  ใจยะ 

เด็ก ๆ ของเราสนุกสนาน  ได้ทั้งสุนทรียะ   เพลิดเพลิน  และองค์ความรู้มากมาย  นับว่าการทำค่ายครั้งนี้มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ฤกษ์งามยามดี เราก็มาพบกันอีก


              

คืนนี้ครูตาพอจะมีเวลาบ้าง  จากที่หายหน้าหายตาจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับมวลมิตรสมาชิกใน blog ไปนาน  สาเหตุเนื่องมาจากงานเยอะมากจนล้นมือ  ต้องคิด  และเขียน Project ใหม่ ๆ ตามท่านผู้บริหารที่ต้องปรับเปลี่ยนให้โรงเรียนแม่ก๋งวิทยาเป็นโรงเรียนดีประจำตำบลให้ได้ดี ดี  ดี (เอ...3  ดีรึเปล่าหนอ) ทั้งเรื่องยกระดับผลสัมฤทธิ์การเรียน  เรื่องปรับภูมิทัศน์   เรื่องโรงเรียน 2 ภาษา และโรงเรียนทำมาหากิน ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ  และอีกสาเหตุคือเรื่องการเรียนโทของครูตาเอง  ที่หนักมากจึงต้องชงักจนลืมรหัสผ่าน  พยายามเข้าแล้วไม่สำเร็จก็หลายครั้งหลายหน  วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี จึงนำรูปภาพมาลงให้มวลมิตรสมาชิกได้ชมนะคะ




เรียนวิชากฎหมายการศึกษากับท่านอาจารย์ดร.เจริญ แสนภักดี


ท่านอาจารย์วิมลรัตน์ บุญชู  ในวิชาการปันคุณภาพการศึกษา 

ท่าน รศ.วิภาดา  รักวิจัย ผู้สอนวิชาการบริหารทรัพยากรการศึกษา


ปลูกฝังกระบวนการคิดแบบองค์รวม  Mind  Mapping

เป็นที่ปรึกษางาน วิทยานิพนธ์

เป็นกันเองกับลูกศิษย์
พวกเราเรียนกับท่านอาจารย์อย่างมีความสุข

ว่าที่ "ผอ.ในอนาคตอันใกล้นี้"ค่ะ 

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

ทัวร์จันทบุรี-ระยอง..ฮิ ตอน5

                  ก่อนจะกลับลำปางบ้านเฮา  มีลูกทัวร์หลายท่านเรียกร้องว่า  "ลุงศรีเหย..ขอแวะสวนเสือให้ทีเถอะ"  "อ้าว ๆ  นึกว่ามีแต่เด็ก ๆ ชอบดูเสือ  ดูช้าง  ดูหมี  ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายก็ชอบดูเหรอ"  "ลุงศรีก้อเลยต้องจัดให้ตามคำขอเลย" เป็นทริปสุดท้ายให้พวกเรา
                   คุณพี่แสงทองที่น่ารักของพวกเรา  ก็บริการพวกเราเป็นอย่างดีด้วยการไปต่อรองราคา  และซื้อบัตรให้เข้าไปเยี่ยมชมได้สมใจ ในราคาคนละ 110  บาท  "ไหนๆก็มาแล้วนี่...เข้าไปชมหน่อยน่า..."     
                   เดินเข้าไปดูการแสดงช้างเป็นจุดแรก เดินไปไกลมาก ๆ พวกเราเกือบท้อด้วยอากาศร้อนเหลือเกิน..แต่ก็พากันแข็งใจเดินไป ๆ ๆ ๆ  ก้อตามประสา "เลือดลำปาง ..มาด้วยกัน...ไปด้วยกันอ่ะ"  เห็นช้างน่ารักแสนรู้ ก็หายเหนื่อยเลย    ดูภาพกันดีกว่า ค่ะ........





จุดที่ 2  เป็นการแสดงจระเข้ ผู้แสดงแต่งตัวเหมือนไกรทองตอนไปปราบพญาชาละวันเลยล่ะ  อยู่กับจระเข้ที่ดุมากตั้งหลายตัว  สามารถจับไอ้เข้เหวี่ยง   ลากหางไอ้เข้   นั่งบนหลัง  และที่หวาดเสี่ยวมาก ๆ ก็ตอนที่เอาหัวเข้าไปในปากจระเข้ จนหลายคนต้องปิดตา  ...ไม่กล้าดูอ่ะ





จุดที่ 3  เป็นการแสดงของเสือ   ที่ว่าดุมาก ๆ ก็ยังสามารถนำมาฝึกได้  ดูเชื่องเหมือนแมวเลย   มาชมความน่ารักของเสือดีกว่านะ......................


 

คำรามพร้อมกันเสียงดังมาก...ทำเอาผู้ชมขนหัวลุกเลย.



นั่งเรียบร้อยอย่างนี้...ไม่น่ากลัวสักนิด


แสดงความรักเคารพเจ้านาย

   กระโดดลอดห่วงไฟ

ข้อคิดวันนี้ 
อันลิงค่างกลางป่าจับมาหัด


                                                            สารพัดหัดได้ดั่งใจหมาย

                                                            เรานักเรียนครูเพียรสอนแทบตาย

                                                            เป็นคนดีไม่ได้ก็อายลิง



วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

STATISTICS ใครว่ายาก

STATISTICS ใครว่ายาก .......โปรดดูโฉมหน้าผู้เรียน  อิอิ

ยิ้ม ยิ้ม  ยิ้ม  ยิ้มมาหน้าตาหวานชื่น.....


สู้ ๆ จ้า...พวกเรา


ภารนี...สาวสมองไวดูแลป้าด้วยนะ

                   การเรียนหลักสูตรป.โท ในสาขาบริหารการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี  ณ ศูนย์ลำปางของพวกเรา ผ่านมาแล้ว  3  class แล้ว  พวกเราคุ้นกันมากขึ้น พูด คุยกันสนุกสนาน ไม่ค่อยจะแสดงอาการ  "แอ็กส์"ใส่กันแล้ว มีแต่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน  หันหน้าเข้าหากัน  ปรึกษาหารือกัน  แม้จะเพศวัยต่างกันบ้าง ก็มิใช่ปัญหา 


                                          
  
                   การเรียน class 4 วิชาสถิติเพื่อการวิจัยทางการศึกษา  ซึ่งมีอาจารย์หลายท่าน  รุ่นพี่ ๆ  เพื่อน ๆ พูดกรอกหูเราว่า ยากส์  ๆ ๆ ๆ  หลาย ๆ ครั้งเข้า  จากที่ไม่เคยกลัว  ไม่เคยเครียด  จนกลายเป็นกลัว...และเครียด..ขึ้นมาแล้วสิ     วันที่  28  มีนาคม ครูตาและเพื่อน ๆ จึงได้เรียนกับท่าน อาจารย์ ดร.  เกศสุดา รัชฎาวิศิษฐกุล  ด้วยบุคลิกภาพแบบสบาย ๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส  ใจดี ไม่เคร่งเครียด  ก็เลยทำให้พวกเรากระซิบกันว่า     " มันคงไม่ยากอย่างที่เราคิดหรอกนะ " พอลุ้นนะ แต่ไงเราต้องขยันเป็นพิเศษหน่อยก็คงผ่านไปได้ด้วยดีแหละ    ดังนั้นครูตาจึงต้องกลับมานั่งทบทวน  และ  ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองด้วย  ก็ไม่น่าจะเกินความสามารถนะ   เพื่อนรุ่นน้องทั้งหลาย ที่หัวใส  สมองเร็ว  ก็คอยช่วยเหลือป้า ๆ ลุง ๆ หน่อยก็แล้วกันนะจ๊ะ 




                                          

                                                                     
                จัดรูปให้ตามคำขอของคุณครูนายจ๊ะจ๋าค่ะ..........

ส่งงานอาจารย์ค่ะ 


แม้จะ40up ก็ยังแจ๋วนะจ๊ะ


เครียดจากการคิดค่าสถิติ  ก้อยังยิ้มได้นะครูษา 

เหรัญญิกต้องกลับทีหลังเพื่อนทุกที  เรียนเสร็จก็มานั่งเช็คเงิน
เหนื่อยไหมจ๊ะคนดี

ทัวร์จันทบุรี-ระยอง..ฮิ ตอน4


ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี

อ่าวคุ้งกระเบนตั้งอยู่ที่ ต. คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.30-18.00 น. การเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อล่วงหน้าที่ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกจากนี้ทางศูนย์ยังมีบริการบ้านพักสำหรับบริการหน่วยงานรัฐที่ไปจัดอบรมสัมมนาด้วยโดยต้องติดต่อล่วงหน้า โทร. 0 3936 9216-8 โทรสาร 0 3936 9219


              อ่าวคุ้งกระเบน มีลักษณะพิเศษคือถูกปิดล้อมด้วยสันทราย มีทางเข้าออกของน้ำทะเลเพียงทางเดียวและมีคลองน้ำจืดหลายสายไหลลงอ่าว อาณาบริเวณรอบๆ เป็นที่ตั้งของ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน” อันเป็นโครงการในพระราชดำริเพื่อพัฒนาพื้นที่อย่างครบวงจรด้วยวิทยาการสมัยใหม่

             ภายในมีบ่อสาธิตการเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบปิด ซึ่งหลายคนสนใจไปเที่ยวชม และจากสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยป่าโกงกาง ที่นี่จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจธรรมชาติชายฝั่งและระบบนิเวศของป่าชายเลน ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนอยู่ตรงข้ามชายหาดแหลมเสด็จ มีพื้นที่ 1,100 ไร่ ส่วนหนึ่งมีสถานะเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าคุ้งกระเบนและป่าอ่าวแขมหนู แต่เดิมเป็นป่าชายเลนเสื่อมโทรม ต่อมาได้รับการฟื้นฟูให้อยู่ในสภาพเดิม มีไม้ขนาดใหญ่หลงเหลืออยู่ นอกจากนี้ยังมีทางเดินสำหรับให้เดินศึกษาด้วยตนเอง โดยสามารถเดินบนสะพานไม้ความยาว 850 ม. ที่ทอดไปในผืนป่า มีศาลาข้อมูลความรู้ต่าง ๆ แปดศาลา คือ



ศาลา 1 กำเนิดอ่าวคุ้งกระเบน อธิบายปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการกัดเซาะเทือกเขาเล็ก ๆ ที่โอบตัวปิดล้อมพรุบริเวณริมฝั่งทะเลเมื่อ 345 ล้านปีก่อน กระทั่งกลายเป็นอ่าวเมื่อ 1,500 ปีที่ผ่านมา



ศาลา 2 ไม้เบิก อธิบายถึงพันธุ์ไม้แสมดำและแสมขาวที่เป็นไม้เบิกนำการก่อกำเนิดป่าชายเลน ก่อนที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์





ศาลา 3 ดงฝาด เป็นจุดที่สวยงามไปด้วยดงต้นฝาด ต้นฝาดแดงจะให้ดอกแดง ส่วนต้นฝาดขาวจะให้ดอกขาว เมื่อผลิดอกเล็ก ๆ จะละลานตาไปทั่ว ต้นฝาดเป็นไม้ที่มีประโยชน์มาก เช่น เนื้อไม้ใช้ย้อมจีวรพระ หรือทำถ่านหุงต้ม ทุบแช่แมงกะพรุน เป็นต้น









ศาลา 4 ป่าปลูก เป็นจุดฟื้นฟูสภาพป่า เดิมมีดงหญ้าทะเลหนาแน่น เคยมีพะยูน หรือหมูดุด อยู่อย่างชุกชุม แต่ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปจากอ่าวคุ้งกระเบนแล้ว นอกจากนี้ยังอธิบายถึงประโยชน์ของปูก้ามดาบในระบบนิเวศป่าชายเลน ก่อนถึงศาลาที่ 5 จะต้องเดินข้ามสะพานแขวนตรงจุดที่เป็นร่องน้ำไหล เพิ่มรสชาติในการเดินเท้าได้ดีทีเดียว



ศาลา 5 ปู่แสม เป็นอีกจุดที่น่าประทับใจ โดยมีสะพานไม้ล้อมรอบต้นแสมขาวโบราณขนาดใหญ่ร่วมสิบคนโอบ ชาวบ้านศรัทธาแสมขาวโบราณต้นนี้โดยเรียกว่าปู่ขาว ปู่แสมมีลำต้นเพียงครึ่งซีก เพราะเคยถูกไฟไหม้ที่ลำต้นในยุคที่ป่าชายเลนที่นี่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟู



ศาลา 6 โกงกาง อยู่สุดปลายสะพานก่อนทางเดินจะวกกลับ พื้นที่บริเวณนี้หนาแน่นด้วยโกงกางใบเล็ก อายุไม่น้อยกว่า 30 ปี โกงกางเป็นไม้เด่นในป่าชายเลน โดยพบมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ป่า บริเวณศาลาแห่งนี้จะมีข้อมูลรายละเอียดประโยชน์ของโกงกาง เช่น เปลือกไม้ใช้ต้มเป็นยาแก้ท้องร่วง บิด หรือพอกแผล ห้ามเลือด หรือหากนำไม้โกงกางมาเผา ก็จะได้ถ่านคุณภาพดี ให้ความร้อนสูงมากกว่าถ่านที่เผาจากไม้ชนิดอื่นที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ

 

ศาลา 7 ประมง จุดสาธิตบ่อกุ้งกุลาดำระบบปิด ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ






สุดท้ายคือ ศาลา 8 เชิงทรง หรือป่ารอยต่อระหว่างป่าชายเลน ป่าชายหาด และป่าบก ช่วงรอยต่อระหว่างป่าชนิดต่าง ๆ ดังกล่าวจะมีพรรณไม้ทั้งป่าชายเลน ป่าชายหาด และป่าบก ปะปนกันไป เนื่องจากบางเดือนที่น้ำท่วมถึงบริเวณป่าบกหรือท่วมเข้ามาถึงชายฝั่ง ก็ได้นำต้นพันธุ์ของไม้ชายเลนเข้าไปเจริญเติบโตผสมกับป่าบก พันธุ์ไม้บริเวณนี้จึงมีทั้งตะบูนขาว ตะบูนดำ ไม้ตะบัน ของป่าชายเลน และดอกดองดึงสีเหลืองแดง ต้นเท้ายายม่อมของป่าบก

                                                                           
                                  



 ขอบคุณ website



                                                 http://www.trf.or.th/News/Content.asp?Art_ID=91